ยาเหน็บ ใช้อย่างไร
- กรณียาเหน็บทางทวารหนัก ทำให้ยาแข็งก่อนด้วยการนำยาแช่ในตู้เย็นหรือกระติกน้ำแข็ง แล้วอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เวลาใช้ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้ง เหน็บในท่านอนตะแคง ใช้นิ้วจับยาสอดโดยเอาปลายมนเข้าให้ลึกที่สุด และควรนอนนิ่งๆ สักพัก กรณียาเหน็บช่องคลอด ต้องจุ่มเม็ดยาในน้ำสะอาดพอชุ่ม เพื่อให้ลื่นสอดช่องคลอดได้ง่ายในท่านอนo นอกจากยาที่กล่าวมาแล้ว ยาภายนอกยังมีอะไรบ้าง
มียาหยอดตา ยาป้ายตา หยอดหู การใช้ยา ต้องล้างมือให้สะอาดก่อนจะหยอดหรือป้ายทุกครั้ง
- โดยเฉพาะยาตา ต้องล้างมือให้สะอาดมากๆ หยอดยาในท่านอนหรือนั่งแหงนหน้าขึ้น มือหนึ่งดึง หนังขอบตาล่างให้เป็นกระพุ้งอีกมือหนึ่งจับขวดยา หยอดยาลงไปในกระพุ้งขอบตาล่างตามจำนวนที่ระบุ กะพริบตา 2-3 ครั้งเพื่อให้ยาเข้าตาได้ทั่วถึง พักหลับตาสักครู่ถ้ามียาหยอดตา 2 ชนิด ให้หยอดตาห่างกัน 5-10 นาที ถ้ามียาขี้ผึ้งป้ายตาด้วย ให้ป้ายหลังหยอดตาไปแล้ว 10 นาที ถ้าเป็นยาพวกขี้ผึ้งป้ายตาให้บีบยาประมาณครึ่งเซนติเมตร ลงในกระพุ้งขอบตาล่างหลับตา คลึงหนังตาเบาๆ ให้ยากระจายทั่วตา ระวังอย่าให้ปลายหลอดแตะถูกตา เสร็จแล้วปิดฝาให้แน่น เมื่อ เปิดใช้แล้วไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 เดือน และไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น
- ส่วนยาหยอดหูก่อนหยอดให้ทำความสะอาดหูโดยใช้สำลีเช็ดภายในหู อย่าให้ลึกเพราะจะไปโดนหูส่วนใน เอียงศีรษะแล้วหยอดยา4-5 หยด หรือตามจำนวนที่ระบุ เอียงทิ้งไว้ครู่หนึ่งประมาณ 10 นาทีแล้วจึงตั้งศีรษะตรง เช็ดยาส่วนที่อาจจะไหลออกมาให้สะอาด
วิธีใช้ยาอมใต้ ลิ้น
ยาประเภทนี้ระบุมาให้อมใต้ลิ้น ให้ผู้ป่วยนั่งเก้าอี้พิงหลัง นำยาอมใต้ลิ้น 1 เม็ดวางไว้ใต้ลิ้น ปิดปากและอมยาไว้ ปล่อยให้ยาละลายใต้ลิ้น อาการเจ็บหน้าอกจะหายภายใน 1-2 นาที ถ้าหลังจากอมยาไปแล้ว 5 นาทีอาการไม่ดีขึ้นให้อมยาเม็ดที่ 2 รอดูอาการสัก 5 นาทีถ้ายังเจ็บหน้าอกอยู่ให้อมยาเม็ดที่ 3 แล้วรีบไปโรงพยาบาล สังเกตว่าเวลาอมยานี้จะรู้สึกซ่า ถ้าไม่ซ่าแสดงว่ายาเสื่อมสภาพ หมดฤทธิ์ทางการรักษา การเก็บยาประเภทนี้ ต้องเก็บใน ขวดสีชา อย่าให้ถูกแสง ปิดฝาให้แน่นและเก็บไว้ในที่เย็น เพราะยานี้ใช้แก้อาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด จึงควรระวังเป็นพิเศษ
หากลืมกินยาบาง มื้อ จะไปเพิ่มจำนวนยาในมื้อต่อไปได้หรือไม่หรือหลับไปก่อนกินยา จะทำอย่างไร
ห้ามเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า หรือกินซ้ำเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ได้รับยาเกินขนาดไป ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ส่วนการหลับไปก่อนกินยาสามารถเลื่อนเวลาไปนิดหน่อย แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรง ญาติต้องพยายามให้ผู้ป่วยตื่นและให้กินยาตรงตามเวลา ไม่เช่นนั้นโรคจะไม่หายหรือหายช้า นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไทรอยด์ ควรกินยาอย่างสม่ำเสมอ อย่ากินบ้างไม่กินบ้าง เพราะจะทำให้ระดับยาในเลือดสูงๆ ต่ำๆ ผลการรักษาจะไม่ดีเท่าที่ควร หรืออาจส่งผลให้โรคกำเริบและมีความรุนแรงได้
เด็กที่กินยายาก ถ้าพ่อแม่จะผสมยาในนมได้หรือไม่
ยาที่ผสมกับนมได้มีเพียงบางชนิดเท่านั้น ยาที่ผสมนมไม่ได้เช่น ยาประเภทบำรุงโลหิต ยาเตตราซัย คลิน ถ้าผสมนมจะไม่ ได้ผลและยังมีข้อเสีย หากเด็กดื่มนมไม่หมดก็จะได้รับยาไม่ครบตามขนาดที่ต้องการ ถ้าจะเอายาผสมนมต้องให้เด็กดื่มนมให้หมด แต่ทางที่ดีแล้วอย่าผสมดีกว่า เปลี่ยนเป็นผสมน้ำเชื่อม เด็กจะกินยาง่ายขึ้น
รู้ได้อย่างไรว่า ยาเสีย
ยาที่เปลี่ยนสีหรือรูปร่าง เป็นยาเสีย ไม่ควรกินเพราะเสื่อมคุณภาพหรือมีสารแปลกปลอมเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นพิษได้ ส่วนยาที่ตกตะกอนตัวยาแข็งไม่กระจาย ก็ไม่ควรกิน เป็นยาเสื่อมสภาพเช่นกัน แคปซูลที่เปลี่ยนสี หรือแคปซูลบวม พองออก ยาเม็ดแตกร่วน สีซีด เม็ดเคลือบแตก มีลายเกิดขึ้น ก็ไม่ควรใช้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสังเกตอายุของยาได้จากฉลากยาด้วย ถ้าไม่บอกวันหมดอายุ ให้ดูวันผลิต ถ้าเกิน 3 ปีสำหรับยาปฏิชีวนะ และ 5 ปีสำหรับยาทั่วไป ก็ไม่ควรใช้แล้ว
วิธีเก็บยาที่ถูก ต้อง
ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น