อารมณ์เหวี่ยง 'สาวออฟฟิศ' ต้นเหตุโรคทำลายสุขภาพ

จากการสำรวจของสวนดุสิตโพลเผยให้ ทราบว่า อาชีพสาวออฟฟิศ ถือเป็นอาชีพที่ก่อให้เกิดความเครียดและอารมณ์เหวี่ยงในผู้หญิงติดอันดับ หนึ่ง ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบในการดูแลสมาชิกในครอบครัว ประกอบกับการที่ผู้หญิงต้องทำงานนอกบ้านไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งปัจจัยภายในที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนก่อนมีประจำ เดือน 5 วัน หรือที่เรียกกันว่า PMS ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงออฟฟิศ เกิดความเครียดและมีอารมณ์ฉุนเฉียวได้ง่าย



ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชกุล คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ช่วงอายุ 25-35 ปีนั้น เป็นวัยที่สาวๆ ออฟฟิศมักตกอยู่ในความเครียดมากที่สุด ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือ 

1. ควรหาเวลาออกกำลังกาย เพราะการออก กำลังกายนั้นจะช่วยทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟีน หรือสารแห่งความสุขออกมา และเมื่อสารเหล่านี้ถูกหลั่งออกมา ก็จะสามารถขจัดอารมณ์เครียดหรือฉุนเฉียวลงได้
2. การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็ช่วยได้เช่นกัน
3. การรับประทานอาหารที่ดี และมีประโยชน์ เช่น ผักและผลไม้ หรือรับประทานสมุนไพรบางชนิด เช่น แปะก๊วย หรือน้ำมันดอกอีฟนิงพริมโรสและวิตามินบี หากรับประทานผักผลไม้และสมุนไพรยังไม่ได้ผล คุณหมอแนะนำว่า ควรรับประทานยาปรับฮอร์โมน ซึ่งยาดังกล่าวช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนบางชนิดในร่างกาย แต่หากอาการรุนแรงและส่งผลต่อคนรอบข้าง อาจต้องรับประทานยาลดความวิตกกังวล (อยู่ในการพิจารณาของแพทย์)
4. การหลีกเลี่ยงจากสภาพที่ ทำให้เกิดความเครียดก็สามารถช่วยได้
นอกจากวิธีที่กล่าวมานั้น คุณหมอแนะนำว่า การปรับสภาพแวดล้อมภายในที่ทำงาน ก็สามารถลดความเครียดและอารมณ์ฉุนเฉียวลงได้ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าสาวออฟฟิศมักถูกจำกัดด้วยเวลาที่เร่งรีบ และมีพื้นที่ในการทำงานที่ค่อนข้างแคบ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนที่ทำงานให้มีพื้นที่สำหรับออกกำลังกาย รวมถึงเน้นการ สื่อสารในที่ทำงานด้วยการพูดคุยกันให้มากขึ้น ก็จะช่วยลดการขัดแย้งหรือข้อผิดพลาดในการทำงานลงได้
และที่สำคัญการจัดเวลาของการทำงานให้เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป หรือประมาณ 8 ชั่วโมง ก็เป็นอีกหนทางในการลดความเครียดลงได้ เพราะระยะของการทำงานที่พอดีจะช่วยให้ผู้ทำงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พูดง่ายๆ ว่าไม่เหนื่อยและไม่เร่งรีบมากจนเกินไปก็จะไม่เกิดความเครียดนั่นเอง
คุณหมอกล่าวย้ำว่า หากปล่อยอารมณ์เครียดและอารมณ์เหวี่ยงเอาไว้จะส่งผลกระทบต่อตนเอง โดยเฉพาะด้านจิตใจของตัวผู้เครียดเอง และอาจทำให้ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า หมดกำลังใจในการทำงานได้ รวมถึงกระทบต่อความสัมพันธ์ในที่ทำงาน ทำให้เพื่อนร่วมงานไม่อยากปฏิสัมพันธ์หรือพบปะพูดคุยด้วย ขณะเดียวกันก็จะส่งผล กระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว อันอาจจะนำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้ง และเป็นต้นเหตุของการหย่าร้างได้ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัวเรื้อรัง โรคปวดเมื่อยตามร่างกาย หรือโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดต่างๆ ได้


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น