สาเหตุ
อาการเริ่มแรกที่เตือนให้รู้ว่าเข่ากำลังมีปัญหา
วิธีป้องกันและการปฏิบัติ
- ควบคุมไม่ให้อ้วนเกินไป โดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
- บริหารกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อนั้นให้แข็งแรง (วิธีการบริหารดูในการออกกำลังกาย)
- ลดการใช้งานข้อนั้นในท่าที่ผิดจากธรรมชาติ เช่น การนั่งยองๆ การนั่งพับเพียบ คุกเข่าและการนั่งขัดสมาธินานเกินไป เป็นต้น
- ขณะที่มีอาการปวด ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อให้การรักษาภาวะอักเสบของข้อ แล้วเริ่มทำกายภาพบำบัดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โรคกระดูกพรุน (osteoporosis)
การป้องกัน
- ออกกำลังกายเป็นกิจวัตร โดยเฉพาะกลางแจ้ง ตอนที่มีแดดอ่อนๆ เช่น เวลาเช้าหรือเย็น
- เมื่อมีความเจ็บป่วยไม่ว่าจากสาเหตุใด ควรรีบทำกายภาพบำบัด หรือเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย ให้เร็วที่สุดเท่าที่สภาพร่างกายจะเอื้ออำนวย
- รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง วิตามินดีสูง เช่น ปลากระป๋อง ซึ่งสามารถรับประทาน, กระดูกปลาได้ นมพร่องไขมันเนย ผักผลไม้ เป็นต้น
- งดการดื่มสุรา และสูบบุหรี่
- ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เช่น ยาลูกกลอน เพราะมักจะมีสารพวกสเตียรอยด์ผสมอยู่ทำให้กระดูกพรุนได้
อาการปวดเมื่อยที่พบบ่อย
- ปวดเมื่อยที่มีสาเหตุจากกล้ามเนื้อ จะแสดงออกด้วยอาการปวดเมื่อย เมื่อยล้ามักจะบอกตำแหน่งที่ปวดไม่ค่อยชัดเจน
- ปวดเมื่อยที่มีสาเหตุจากเส้นเอ็น อาการปวดจากเส้นเอ็นจะเป็นการปวดเฉพาะที่ปวดมากเวลาถูกกดและเมื่อมีอาการ เคลื่อนไหว พบบ่อยบริเวณไหล่ ส้นเท้า บริเวณมือและบริเวณเอ็นร้อยหวาย
- ปวดเมื่อยสาเหตุจากเส้นประสาท สาเหตุจากเส้นประสาทถูกกดถูกทับ ทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน และร้าวไปตามเส้นประสาทส่วนนั้น มักจะมีอาการชาร่วมอยู่ด้วย พบบ่อยที่บริเวณหลังมีการถูกกดของเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดร้าวจากหลังไปบริเวณน่องและปลายเท้าอีกตำแหน่งหนึ่งคือ บริเวณคอ เมื่อเส้นประสาทถูกทับจะมีอาการปวดร้าวจากคอไปบริเวณแขนและมือ
- ปวดเมื่อยจากเส้นเลือด พบบ่อยจากเส้นเลือดขอดบริเวณขาทำให้มีอาการปวดถ่วงๆ เส้นเลือดขอดจะโป่งออกมา ปวดมากเมื่อยืนนานๆ เมื่อนั่งหรือนอนยกขาสูงขึ้นอาการปวดจะลดลงได้
- ปวดจากข้อเป็นอาการที่ปวดจากข้อต่อ พบว่าในบริเวณที่เป็นจะบวมกว่าข้อต่อด้านตรงข้ามที่ปกติ อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเมื่อมีการขยับเขยื้อน ถ้าเป็นข้อต่อซึ่งใช้ในการลงน้ำหนัก เมื่อเดินจะปวดมากขึ้น และถ้างอข้อต่อมากอาการจะปวดมากขึ้นตามไปด้วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดการปวดเมื่อย
- เริ่มมีการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณรอบๆ ข้อ เช่น ข้อไหล่ แล้วไม่ยอมใช้ไหล่ข้างนั้นๆ นานๆ เพราะกลัวเจ็บ
- ยกของหนักเกินไป ในท่าที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาด หรืออักเสบ ปวดหลัง
- ท่านอน เช่น หนุนหมอนสูงเกินไป ที่นอนนิ่มเกินไป นอนตะแคงแล้วศีรษะห้อยลง หรือบิดทำให้ปวดต้นคอ ปวดบริเวณหลัง
- การที่ปล่อยตัวให้อยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานๆ เช่น นั่ง ยืน เดิน ศีรษะ งุ้มไปทางด้านหน้าหรือเงยจนมากเกินไป หรือเอนไปด้านใดด้านหนึ่งนานๆ ทำให้รู้สึกปวดเมื่อย
- เกิดจากอุบัติเหตุ เช่น ถูกกระแทก หรือหกล้ม อาจจะทำให้กระดูกหัก กล้ามเนื้อฉีกขาดหรือเกิดการอักเสบ ทำให้ปวดเมื่อยได้
การป้องกันและการรักษา
- อาการปวดหลัง เกิดจากการทรงตัวอยู่ในลักษณะท่าทางที่ไม่ถูกต้องนานๆ ป้องกันได้โดยวิธีการออกกำลังกายโดยการบริหารร่างกาย และปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง เช่น ยืนเอวไม่แอ่น หลังไม่ค่อม ศีรษะตั้งตรงไว้เสมอ
- อาการปวดเข่า มักจะเป็นกับคนอ้วนที่มีน้ำหนักมาก และคนที่มีลักษณะขาโก่ง ป้องกันได้โดยการลดน้ำหนักตัวและบริเวณข้อเข่า
- อาการปวดกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นที่อยู่รอบๆ ข้อ กล้ามเนื้อจะขนาดเล็กลง และมีการเคลื่อนไหวน้อยลง หรือเส้นเอ็นขาดได้ง่าย ป้องกันโดยทำให้ข้อมีการเคลื่อนไหว การยึด และกล้ามเนื้อมีการยืดหยุ่นตัวดีจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
การช่วยเหลือตนเองโดยทั่วๆ ไป
1. ให้พักผ่อน หรือหยุดทำงานทันทีเมื่อรู้สึกปวดอย่างเฉียบพลัน
2. ประคบความร้อนบริเวณที่ปวด
3. นวดบริเวณที่ปวดกล้ามเนื้อ
4. ใช้อุปกรณ์ช่วยลดอาการปวด เช่น บริเวณคอใช้ปลอกคอ
5. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
6. ถ้าปวดมากให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
ที่มา : http://atcloud.com/stories/46898
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น