ประโยชน์กินผัก-ผลไม้ 5 เฉดสี

เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกาย

สารอาหารที่ได้จากผักและผลไม้ นอกเหนือจากวิตามินและเกลือแร่ สารพฤกษเคมีหรือที่เรียกกันว่า "ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients)"ซึ่ง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ยังเป็นสารอาหารสำคัญช่วยให้สุขภาพดี ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บด้วย ไฟโตนิวเทรียนท์คือ สารอาหารจากพืชที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกำจัดสารพิษ ทำให้ร่างกายประสาน กัน อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต้านการอักเสบ และควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์

          ไฟโตนิวเทรียนท์มีมากกว่า 2,000 ชนิด แต่ชนิดที่สำคัญ ได้แก่ สารในกลุ่มโพลีฟีนอล, กลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ เช่น เควอซิทิน,โพ รแอนโธไซยานิดิน เป็นต้นด้าน องค์การอนามัยโลกประกาศว่า ต้องรับประทานผักผลไม้ 400-500 กรัมต่อวัน จะได้รับวิตามิน เกลือแร่ และไฟโตนิวเทรียนท์ เพียงพอต่อร่างกาย ซึ่งผลการสำรวจพบว่า โดยเฉลี่ยคนไทยรับประทานผักผลไม้วันละ 276 กรัมต่อคนเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน

          ผศ.ดร.สิริ ชัย อดิศักดิ์วัฒนาอาจารย์ประจำหลักสูตรโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า สารต้านอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลเคมีที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย อาจเกิดจากการเผาผลาญสารอาหารที่เรารับประทาน ภาวะป่วย การติดเชื้อ การสูบบุหรี่ รังสีอัลตราไวโอเลต ความเครียด โดยอนุมูลอิสระเป็นสารที่มีอิเล็กตรอนอิสระอยู่ภายในโครงสร้าง ซึ่งไวต่อปฏิกิริยากับดีเอ็นเอ โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต มีผลให้อวัยวะเสียหายและทำงานผิดปกติ ซึ่งตรงกับผลการวิจัยของยูเอสดีเอ พบว่าการบริโภคผักผลไม้ที่มีไฟโตนิวเทรียนท์เป็นประจำ สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดตีบและแข็งตัว โรคอัลไซเมอร์ โรคไขข้ออักเสบ โรคเบาหวาน ความชรา
          ขณะ ที่ นพ.วิเรนทร์ มัลโฮตราแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านแอนตี้เอจจิ้ง ศูนย์วิทัลไลฟ์ เวลเนส เซ็นเตอร์ รพ.บำรุงราษฎร์ เสริมว่า การเลือกรับประทานผักผลไม้ครบ 5 สีหลักทุกวัน ยังเพิ่มคุณประโยชน์ที่สำคัญต่อร่างกายและให้ไฟโตนิวเทรียนท์แตกต่างกัน ซึ่ง 5 สีหลักประกอบด้วย สีแดงจากมะเขือเทศทับทิม อะเซโรลา เชอร์รี่ สตรอเบอรี่ แอปเปิ้ลแดง ให้สารไลโคปีน,กรดเอลลาจิกสีเหลือง/ส้มให้เบต้า-แคโรทีน, เฮสเพอริดิน จากส้ม มะนาว แครอท,สีเขียว ให้เอพิแกลโลแคททิชินไกลเคท, ลูทีนและซีแซนทีน จากบรอกโคลี คะน้า กะหล่ำปลี ผักโขม วอเตอร์เครส,สีม่วง/น้ำเงินจากกะหล่ำปลีม่วง ดอกอัญชัน บลูเบอรี่ องุ่นม่วง ให้แอนโธไซยานิน,เรสเวอราทรอล และ สีขาวจากกระเทียมลูกแพร์ หอมใหญ่ ให้อัลลิซิน เควอซิทิน 


ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

กล้วย...อาหารดีใกล้มือ

มีประโยชน์แทบทุกส่วนของต้น

แนะนำเมนูล้างพิษด้วย ยำหัวปลี หรือสลัดดอกกล้วย (Banana Flower Salad)

          ผลไม้ไทยที่อยู่คู่ครัวไทยมากที่สุด รองจากมะพร้าว แล้วก็คือ กล้วย ไปที่ไหนก็เจอกล้วย วิถีชีวิตคนไทยผูกพันกับกล้วยและต้นกล้วยมาเนิ่นนาน

          แต่ฝรั่งส่วนใหญ่รู้จักแต่ กล้วยหอม บางคนก็กิน กล้วยน้ำว้า ไม่เป็น กล้วยประเภทหลังนี่แหละที่ปลูกง่าย โตเร็ว ประเดี๋ยวก็ออกผล เด็กไทยแต่เล็กๆ ก็กินกล้วยน้ำว้าครูด ดูเหมือนเราคุ้นลิ้นกับกล้วยน้ำว้า มากกว่ากล้วยหอม แต่พอโตขึ้นมาหน่อย เมนูฝรั่งมักนำกล้วยหอม จับคู่กับไอศกรีม หรือของหวานอย่างอื่น ไม่ยักใช้กล้วยน้ำว้า

          แต่เอาเถอะ จะกินกล้วยชนิดไหนดีทั้งนั้น บ้านใครปลูกกล้วยจะได้ใช้ทุกส่วนของต้นกล้วย โดยเฉพาะอาหารไทยใช้ใบตองหรือใบกล้วย เป็นภาชนะธรรมชาติอยู่แล้ว ฝรั่งมองแล้วอิจฉาเพราะจะหาใบไม้ชนิดไหนมาห่อ ต้ม นึ่ง แล้วได้กลิ่นหอมชวนกินอย่างใบตองคงไม่มี พอนึกออกอาจจะมี ใบองุ่น ที่มาทำข้าวห่อใบองุ่น เป็นอาหารกรีกและคนในแถบตะวันออกกลางจนถึงแอฟริกาเหนือ คล้ายข้าวห่อใบบัวแต่เขากินใบองุ่นเข้าไปด้วย รสชาติเปรี้ยว ใบองุ่นก็เหนียว แต่ก็ได้รสได้กลิ่นแบบอาหารของคนแถวนั้น กินอาหารกับใบตองดีกว่า ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ข้าวเหนียวห่อใบตองปิ้ง ย่าง หรือนึ่งเป็นข้าวต้มมัด

          ส่วนผสม ยำหัวปลี ที่มีแต่ผักล้วนๆ ได้แก่ หัวปลี 80 กรัม บีทรูท 60 กรัม มะม่วงดิบ 70 กรัม สาหร่ายวากาเมะ 3 กรัม ใบผักชี 3 กรัม ใบสะระแหน่ 10 กรัม หอมแดงสับละเอียด 10 กรัม งาขาวงาดำรวม 5 กรัม ตะไคร้สับละเอียด 10 กรัม น้ำมะนาว 10 มล. ผงพริก มากน้อยตามต้องการ วิธีทำ ล้างหัวปลี ซอยบางๆ หัวบีทรูทและมะม่วงดิบ ให้ซอยเป็นเส้น ผสมทั้งหมดในชามแล้วเติมสาหร่ายกับงาขาวงาดำ บีบมะนาว เติมผงพริก จานนี้ไม่มีน้ำสลัดเพื่อให้ได้รสชาติแท้ๆ จากผัก มีรสเข้มขึ้นด้วยสาหร่ายออกรสเปรี้ยวหวานอมเผ็ดเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นชอบรสไหนสามารถปรุงแต่งได้ตามต้องการ

          หัวปลีเป็นจานผักที่นิยมมากตั้งแต่ศรีลังกา ลาว จนถึงเอเชียใต้ ในเมืองไทยก็กินหัวปลีเหมือนเป็นอาหารพื้นบ้าน เพราะบ้านคนไทยปลูกต้นกล้วยกันอยู่แล้ว หัวปลีสดกินกับผัดไทยหรือจิ้มน้ำพริก ลวกก็ได้ หรือต้มข่าไก่ใส่หัวปลี หมกหัวปลี แกงเลียงหัวปลีช่วยขับน้ำนม ฯลฯ หัวปลีมีเส้นใย มีวิตามินเอ วิตามินซี โปตัสเซียม แมกนีเซียม มีธาตุเหล็กและแคลเซียม มีสรรพคุณช่วยแก้อาการหลอดลมอักเสบ ท้องผูก และรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร

          กินดอกกล้วยแล้วอย่าลืมกินกล้วยสด ชนิดสุกมากหน่อยกินแก้อาการท้องผูก มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ แต่ถ้าท้องเสียถ่ายมากเกินไปให้กินกล้วยห่าม ที่ผิวเปลือกมีสีเขียวปนเหลือง เพราะในเนื้อกล้วยดิบที่ยังไม่สุกมากมีสารแทนนิน มีฤทธิ์ฝาดสมาน ช่วยยับยั้งเชื้อโรค ใช้ได้ผลดีกับอาการท้องเสียระยะแรก ปลูกต้นกล้วยไว้เหมือนเป็นล่วมยาในบ้าน หยิบใช้ได้เสมอ

          มิน่าล่ะ...ใครๆ ก็พูดว่าเรื่องง่ายๆ คือเรื่องกล้วยๆ เป็นของดี (และกินอร่อย) ใกล้มือที่อยู่ในสวนหลังบ้านนี่เอง...


ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ